ที่ผมเข้าใจก็แบบว่า เปิดคันเร่งไปสักพักพอเราจะเบรคเราก็ใช้ Engine break โดยปิดคันเร่ง(ปล่อยคันเร่งหรือคืนคันเร่ง) แต่ไม่บีบครัช เราจะเกิดอาการเหมือนมีแรงฉุดบางคนอาจจะเรียกว่ากระชากเลย เสียงเครื่องจะตื้อๆหน่อย แล้วเราก็กดเบรคหน้าทันทีที่ปิดคันเร่ง พอรอบเครื่องเริ่มตกไปสักพักจนแรงฉุดหมดไป เราก็เชนเกียร์ลงอีกแล้วก็ปล่อยครัชอีก แล้วก็เบรคอีก จนกว่าความเร็วจะได้ตามที่ต้องการ หรือตามที่ต้องการจะให้รถหยุด ผมจะใช้ครัชเฉพาะตอนเปลี่ยนเกียร์กับตอนออกตัวที่ความเร็วต่ำกว่า 10 กม./ชม ครับ ไม่รู้ผมเข้าใจถูกมั้ย
ถูกครับ เป็นวิธีเริ่มของคำว่ารู้จัก Engine Break
อันนี้ส่วนเสริมนะครับ
เทคนิคการใช้ มีมากกว่านั้นเยอะ คนที่รู้จักก็อาจจะแค่รู้จัก หมั่นฝึกมาก ๆ เข้า แล้วมันจะลึกซึ้ง ถามว่ามันต้องเสียอะไร
รถไม่ใช้ก็เสื่อม พอขี่ก็เสีย มันเป็นสัจจะธรรม ที่แน่นอนอยู่แล้วครับ แต่ตวามจริงทั้งหมด มันอยู่ที่การเรียนรู้ว่าคุณจะกุมบังเหียนรถคันนี้ยังไง
ให้ไม่พบเจบอุบัติเหตุ แก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้า และหลีกเลี่ยงเหตุเฉพาะหน้าด้วยทักษะที่คุณมี มันเป็นสิ่งที่ต้องเรียนรู้กันจนไม่มีคำว่า "จบ"
มุมมองของผม มันก็ไม่ได้แตกต่างจากคนที่เคยหรือขี่รถมาก่อน ไม่ว่ามาหลังหรือมาก่อน เทคนิคมันจะต้องฝึกฝนกันเอง เรียนรู้กันเอง แต่ มันจะต้องมีคนนำทาง
แต่ก่อนอื่นต้องทำความรู้จักกับรถของตัวเองให้ดีพอซะก่อน คน 50 รถ 50 รวมทั้ง 2 อย่าง 100 รถทุกคัน สรีระ ไม่เหมือนกัน คน นิสัยการขี่ไม่เหมือนกัน ต้องทำความเข้าใจกันเอง
------------------------
ผมอยากให้ทุกคนเข้าใจคำว่าปลอดภัย ถึงแม้รถมันจะเป็นยังไง รถซ่อมได้ แต่คนซ่อมไม่ได้ครับ ทักษะ + เทคนิค ทำให้วันนี้ผมยังมาบอกกล่าวให้กับน้อง ๆ ได้