downhill
|
|
« เมื่อ: 18, ธันวาคม 2012, 11:24:11 PM » |
|
Engine Break บ่อยมีข้อเสียอะไรไหม เครื่องจะสึกหรอไวกว่าปกติไหมครับ ผมใช้ทุกครั้งก่อนจะเบรคเลย ใช้แล้วเครื่องจะมีปัญหาไรไหม >%^SR
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Herulaya
|
|
« ตอบ #1 เมื่อ: 18, ธันวาคม 2012, 11:50:36 PM » |
|
คู่มือยังแนะนำให้ใช้ มันก็ไม่เป้นไรหรอกครับผม
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
mans
บุคคลทั่วไป
|
|
« ตอบ #2 เมื่อ: 18, ธันวาคม 2012, 11:58:08 PM » |
|
ก็มีบ้างครับแต่แลกกับความปลอดภัย ถือว่าคุ้มค่ามากมาย
- โซ่ ต้องทนแรงกระชาก คุณสมบัตินี้ต้องมีอยู่แล้ว - ยางกันกระชากดุมสเตอ นิดหน่อยเรื่องเล็ก - ชุดเรือนคลัชท์ ก็พวกลูกยาง สปริงกันกระชากในเรือนคลัชท์ (ไม่ใช่สปริงกด)
ทุกอย่างก็เรื่องปกติของการใช้งานครับ ต้องมีสึกหรอตามระยะการใช้งาน ครับ ใช้ไปเถอะมันเป็นหลักการเบรคที่ถูกต้องแล้ว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
james_16
|
|
« ตอบ #3 เมื่อ: 19, ธันวาคม 2012, 12:03:32 AM » |
|
l11 l11 l11 l11
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
:P :P :P :P
|
|
|
ขี้เมาใจดี
|
|
« ตอบ #4 เมื่อ: 19, ธันวาคม 2012, 12:07:45 AM » |
|
!goodjob ใช้ไปเถอะครับ !wanwan ปลอดภัย อุ่นใจ สบายกาย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
PezZiie
|
|
« ตอบ #5 เมื่อ: 19, ธันวาคม 2012, 12:54:21 AM » |
|
>coooool
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
-..ไม่หล่อ ไม่เท่ห์ แต่จน..-
|
|
|
downhill
|
|
« ตอบ #6 เมื่อ: 19, ธันวาคม 2012, 01:44:44 AM » |
|
ทุกๆวันนี้ ใช้แต่เบรคหน้ากับเอ็นจิ้นเบรคครับ 55 >%REDD ผ้าเบรคหลังเหลือบานเลย >%^SR
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
buusakao15
ขออภัย...มือใหม่หัดขับ
ออฟไลน์
กระทู้: 25
|
|
« ตอบ #7 เมื่อ: 19, ธันวาคม 2012, 02:12:18 AM » |
|
<cryถามแบบคนไม่รู้นั่ะครับไอเอ็นจิ้นเบรกนี่มันใช้ยังไงเหรอครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Stoner
|
|
« ตอบ #8 เมื่อ: 19, ธันวาคม 2012, 04:55:07 AM » |
|
โซ่ สเตอร์ ยางกันกระชาก ไปไวหน่อย แต่ก็ไม่เป็นไร ปลอดภัยไว้ก่อนครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
skylinegtr02
|
|
« ตอบ #9 เมื่อ: 19, ธันวาคม 2012, 05:24:09 AM » |
|
THAIDRIVER • เรื่องการเชนจ์เกียร์ช่วยเบรก เคยคุยกันไปครั้งหนึ่ง แล้ว แต่ในช่วงที่ผ่านมาก็ยังมีความเข้าใจผิดในวงกว้าง คิดว่าการเชนจ์ เกียร์ช่วยเบรก หรือ ENGINE BRAKE เป็นสิ่งที่ถูกต้อง ในการแข่งรถฟอร์มูลา วัน ก็มีเสียงที่ชวนให้เข้าใจผิด ตอนรถวิ่ง มาสุดทางตรงกำลังจะเข้าโค้ง มีเสียงคล้ายเชนจ์เกียร์ ทำให้คนดูคิดว่า ขนาดฟอร์มูลา วัน ยังเชนจ์เกียร์ก่อนเข้าโค้ง แสดงว่าทำแล้วต้องดีก็ เลยทำตาม อ. ศิริบูรณ์ • รถฟอร์มูลาวัน วิ่งมาสุดทางตรงในเกียร์ 7 กำลัง จะเข้าโค้งซึ่งต้องใช้เกียร์ 3 คนขับก็ต้องเปลี่ยนเกียร์จาก 7 ไล่ผ่าน 6...5...4...3 เพราะเกียร์ของฟอร์มูลาวัน เป็นซีเควนเชียล ต้องไล่ทีละ เกียร์ กระโดดข้ามเกียร์ไม่ได้ ไม่ใช่การเชนจ์เกียร์เพื่อต้องการ ENGINE BRAKE ถ้าฟอร์มูลาวัน ใช้เกียร์ที่มีร่องตัว H เหมือนรถบ้านสุดทางตรง ในเกียร์ 7 ก็จะดึงลงมาผ่านเกียร์ว่างก่อน แล้วยัดเข้าเกียร์ 3 ไม่ต้อง ไล่ลงทีละเกียร์แบบซีเควนเชียล
THAIDRIVER • ย้อนกลับมาเรื่องเชนจ์เกียร์ช่วยเบรกหรือ ENGINE BRAKE ถ้าขับรถลงทางลาดชัน การใช้เกียร์ต่ำเพื่อลดภาระของเบรกก็ เป็นเรื่องที่มีเหตุผลที่จะทำ แต่การเข้าโค้งบนทางราบไม่จำเป็น อ. ศิริบูรณ์ • ในอดีต (เกินกว่า 50 ปี) ที่ต้องใช้ ENGINE BRAKE เพราะผ้าเบรกในสมัยนั้นอายุสั้นเพราะเป็น ‘ผ้า’ จริงๆจน ติดปากเป็นประวัติศาสตร์ของคำว่า ‘ผ้าเบรก’ เบรกต่อเนื่องได้ไม่ นานผ้าเบรกก็ไหม้หมด เพราะฉะนั้นจึงต้องเชนจ์เกียร์เพื่อใช้ ENGINE BRAKE ในรถบรรทุกที่มีน้ำหนักบรรทุกเกิน 50% กดอยู่บนล้อหลัง ซึ่งเป็นล้อขับเคลื่อน การเชนจ์เกียร์เพื่อให้เครื่องช่วยเบรกจึงไม่ค่อย มีปัญหา แต่ถ้าเป็นรถนั่ง (ขับล้อหลัง) ซึ่งน้ำหนักกดล้อหลังไม่มากเกิน 50% ถ้าใช้เครื่องยนต์ช่วยเบรก ล้อหลังจะ SKID ตอนลงเขา ก็จะ เป็นปัญหาเพราะยางจะบังคับทิศทางไม่ได้ ก็ที่เรียกว่า ‘ท้ายปัด’ นั่นละ มนุษย์เพิ่งค้นพบเมื่อไม่นานมานี้ว่า ถ้าล้อหลัง SKID จะ ทำให้ควบคุมทิศทางไม่ได้ สมัยก่อนไม่รู้ว่ารถวิ่งอยู่ดีๆ ทำไมถึง สไลด์ ไม่รู้หรอกว่าเป็นเพราะ ENGINE BRAKE ทำให้รถสไลด์ รถบรรทุก 10 ล้อ มีน้ำหนักกดอยู่บนล้อหลัง 75% ล้อหน้า 25% ใช้ ENGINE BRAKE ได้โดยไม่ต้องกลัวว่าล้อหลังจะ SKID รถ ขับล้อหน้าเกียร์ธรรมดา น้ำหนักกดอยู่บนล้อหน้า 60% ล้อหลัง 40% ถ้าเชนจ์เกียร์ลงต่ำแล้วปล่อยคลัตช์ ไม่ต้องกลัวว่าล้อหลังจะ SKID (เพราะมันไม่ได้ต่อกับเครื่องยนต์) แต่ล้อหน้าจะไถ (UNDERSTEER) แล้วจะเลี้ยวไม่เข้า (ถ้าทำแบบเดียวกันในรถนั่งขับ ล้อหลังก็จะ OVERSTEER) แต่คนทั่วไปไม่กลัว UNDERSTEER ก็เลยมีคนใช้ ENGINE BRAKE ทั้งที่ไม่มีความจำเป็น ผมใช้คำว่า ‘ความจำเป็น’ ไม่ค่อย ขลังเหมือนคำว่า ‘ข้อห้าม’ ผมไม่กล้าใช้คำว่า ‘ห้าม’ เพราะเมื่อ เชนจ์เกียร์แล้วย่อมมี ENGINE BRAKING แน่นอน แต่แรงม้าช่วย เบรก (NEGATIVE HORSEPOWER) ที่ได้มันไม้คุ้มเสีย มันอยู่แค่ไม่กี่ สิบตัว ขึ้นอยู่กับว่าเครื่องเล็กหรือเครื่องใหญ่ ในภาษาคณิตศาสตร์ ถ้าให้ค่าของการเร่งเดินหน้าเป็นบวก เมื่อเชนจ์เกียร์ลงต่ำเพื่อให้รถช้าลง ค่าการเร่งเดินหน้าก็จะเป็นลบ เพราะฉะนั้นแรงม้าขณะเบรกจึงเรียกว่า NEGATIVE HORSEPOWER เครื่องปัจจุบันพยายามออกแบบให้มี PUMPING LOST น้อย ลง มีความฝืดน้อยลง ใช้แหวนลูกสูบบางลงและนิ่มขึ้น น้ำมันเครื่อง ก็ลื่นกว่าเดิม เพราะฉะนั้นแรงเบรกที่ได้จาก ENGINE BRAKE ก็ยิ่ง น้อยลง อยากรู้ว่าระบบเบรกเท้ามีแรงเบรกเท่าไร ก็ตรวจสอบไม่ยาก สมมุติแกล้งโง่เชื่อโฆษณาว่าเครื่อง 2,000 ซีซี มี 150 แรงม้า ลอง เร่งจาก 0-100 กม./ชม. จับเวลาว่ากี่วินาทีแล้วจดเอาไว้ สมมุติว่า 0- 100 กม./ชม. ใช้เวลา 10 วินาที จากนั้นรักษาความเร็วไว้ที่ 100 กม./ชม. แล้วกระทืบเบรกเต็มเท้าและคาไว้กระทั่งรถหยุดนิ่ง ดูว่าใช้ เวลาเท่าไร ถ้าการเบรกจาก 100-0 กม./ชม. ใช้เวลา 2 วินาที แสดงว่า แรงม้าของระบบเบรก มากกว่าแรงม้าของเครื่องยนต์ 5 เท่า เพราะ ฉะนั้นรถคันนั้นมีแรงเบรกเท้าถึง 750 NEGATIVE HORSEPOWER แล้วจะไปเชนจ์เกียร์เพื่อเอาแรงม้า 30-40 ตัวจาก ENGINE BRAKE ทำไม? ลองเชนจ์ลงเกียร์ 3 แล้วปล่อยไหลจาก 100 กม./ ชม.จนกว่ารถจะหยุดดูซิ (ต้องใช้เวลาตั้งครึ่งนาที)
:-\ คิดว่าคงเหมือนมอไซอะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
PezZiie
|
|
« ตอบ #10 เมื่อ: 19, ธันวาคม 2012, 05:38:30 AM » |
|
<cryถามแบบคนไม่รู้นั่ะครับไอเอ็นจิ้นเบรกนี่มันใช้ยังไงเหรอครับ
การใช้เครื่องยนต์ช่วยในการชะลอรถอะครับ เหมือนเวลาใส่เกียร์ 1 ไว้แล้วปล่อยไหลลงจากเขา ประมานนั้นอะจ่ะ !>>)
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
-..ไม่หล่อ ไม่เท่ห์ แต่จน..-
|
|
|
artunz
|
|
« ตอบ #11 เมื่อ: 19, ธันวาคม 2012, 06:32:47 AM » |
|
ผมอ่านมาก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีครับ ???
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ถนนเถื่อน เสียไม่ได้
|
|
|
iceswat
Difficult But Not Impossible
I'm CBRsCLUB
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 511
จะช้าหรือเร็วก็ถึงเหมือนกัน
|
|
« ตอบ #12 เมื่อ: 19, ธันวาคม 2012, 04:01:11 PM » |
|
ขี่เองแล้วจะรู้ประสบการณ์จะสอนคุณเอง :D
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Golf410spk
|
|
« ตอบ #13 เมื่อ: 19, ธันวาคม 2012, 04:06:37 PM » |
|
ใช้ไปเถอะ ไม่พังหรอกครับ มันเป็นธรรมชาติของเครื่องยนต์ l14
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
mans
บุคคลทั่วไป
|
|
« ตอบ #14 เมื่อ: 19, ธันวาคม 2012, 04:18:16 PM » |
|
ผมอ่านมาก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีครับ ???
อาจารย์แก บรรยายถึง กำลังเบรคที่กระทำต่อล้อครับ ว่าแค่ใช้ระบบเบรคที่เท้าก็สามารถหยุดล้อได้เหลือๆ และ สมดุลของการเบรคของเครื่องยนต์กับระบบ ขับหน้าและหลัง แต่นั้นมันรถยนต์ที่เบรคกดพร้อมกัน 4 ล้อ ในเวลาเดียวกัน แต่มอเตอร์ไซค์ ระบบเบรคมันแยกกัน หน้าใช้มือ หลังใช้เท้า เราจึงต้องสร้างสมดุลการเบรคโดยการใช้ เอ็นจิ้นเบรคช่วยครับ แต่ถ้าเป็น รถที่ใช้ระบบเบรคเรเดียนเม้า 4 พอต คู่หน้า เอ็นจิ้นเบรคก็มีประโยชน์เพียงน้อยนิด ขึ้นอยู่กับสภาพถนน สถานการณ์ และช่วงจังหวะนั้นๆ ว่าไปแล้วมันก็ลึกซึ้งละ ผมก็เข้าไม่ถึง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
KAATO
|
|
« ตอบ #15 เมื่อ: 19, ธันวาคม 2012, 04:35:55 PM » |
|
ผมเอนจิ้น เชนลงทีละ2เกียร์ ล้อแทบล็อค ประจำ ขับไปกลับทำงานวันละ50โล
เอนจิ้นแทนเบรคตลอดทาง เพราะมันต้องออกตัวสลับกับชะลอรถ(รถติดใน กทม)
และทำติดต่อกันมา8ปีแล้ว
ตลอด8ปี เปลี่ยนคลัชไปครั้งเดียว
Tip นิดนึง ในการเชนเกียร์หนักๆ
ก่อนจะเชนเกียร์ลงในรอบสูง ให้เลียคลัชไว้แล้วเปิดคันเร่งเรียกรอบเพิ่มสัก1000รอบ ก่อนตบเกียร์ลง
มันจะเป็นการใช้ Slipper clutch แบบ บ้านๆ ทำให้ล้อไม่ล็อค และไม่กระชากเครื่องจนเกินไป
พูดเหมือนยากนะ แต่ทำบ่อยๆ แล้วมันก็ชินไปเอง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Aek D-Zan
|
|
« ตอบ #16 เมื่อ: 19, ธันวาคม 2012, 04:47:53 PM » |
|
ผมเอนจิ้น เชนลงทีละ2เกียร์ ล้อแทบล็อค ประจำ ขับไปกลับทำงานวันละ50โล
เอนจิ้นแทนเบรคตลอดทาง เพราะมันต้องออกตัวสลับกับชะลอรถ(รถติดใน กทม)
และทำติดต่อกันมา8ปีแล้ว
ตลอด8ปี เปลี่ยนคลัชไปครั้งเดียว
Tip นิดนึง ในการเชนเกียร์หนักๆ
ก่อนจะเชนเกียร์ลงในรอบสูง ให้เลียคลัชไว้แล้วเปิดคันเร่งเรียกรอบเพิ่มสัก1000รอบ ก่อนตบเกียร์ลง
มันจะเป็นการใช้ Slipper clutch แบบ บ้านๆ ทำให้ล้อไม่ล็อค และไม่กระชากเครื่องจนเกินไป
พูดเหมือนยากนะ แต่ทำบ่อยๆ แล้วมันก็ชินไปเอง
ทำแบบโต้บอกก็ได้ครับ ถ้ากลัวล้อล้อค อยากให้มีเอนจิ้นมากน้อย อยู่ที่มือซ้าย เลียครัทช์มากน้อยอยู่ที่มือเรา เพราะมันช่วยลดแรงกระแทกกลับไปที่ชุดครัชท์ ระบบเกียร์ ข้อเหวี่ยงและก้านสูบ เสียหายน้อยที่สุด แถมหยุดรถได้มั่นใจ ไม่เป๋อีกด้วย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
รถน่ะ ไม่แต่งอ่ะ เสียใจ แต่แต่งอ่ะเสียตังค์ อิอิUploaded with ImageShack.us
|
|
|
NOKLEK
|
|
« ตอบ #17 เมื่อ: 19, ธันวาคม 2012, 05:51:31 PM » |
|
ต้องถามว่าซื้อประกันกันรึเปล่า ถ้าซื้อแล้วได้ใช้ซักกี่ครั้ง เต็มวงเงินรึเปล่า ??
การใช้ engine break ก็เหมือนซื้อประกันอะไรไว้ซักอย่าง เพราะเครื่องยนต์หมุนตลอดเวลา ล้อจึงลดความเร็วลงแต่ไม่ถึงกับล้อล็อก เพราะถ้ามองภาพโดยรวม ถ้าล้อไม่เสียค่าแรงเสียดทานที่มีกับถนน ก็จะไม่เกิดการสไลด์ = รถมีโอกาสน้อยที่จะเสียการทรงตัว = ลดการเกิดอุบัติเหตุกับตัวผู้ขับขี่
***แต่ คุณก็ต้องเสียเบี้ยประกัน เป็นค่าสึกหรอของเครื่องยนต์ (ก็แค่ก่อนวัยร์อันควร ถึงไงเครื่องยนต์ก็สึกหรอต่อเนื่องอยู่แล้ว)
จะใช้ engine break หนัก-เบา ก็อยู่ที่ Level ของผู้ขี่ เบาสุดๆก็แค่ผ่อนคันเร่ง หนักขึ้นมาหน่อยก็ลดลงมา 1 เกียร์ หนักๆก็ 2 เกียร์
ปล. คงไม่มีใครคิดใช้เทคนิกนี้ตอนอยู่ในโค้งนะครับ อันตราย!!
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ลูกผู้ชาย ถึงจะตายในท่อ ก็ต้องมุดไปตายเอาดาบหน้า
|
|
|
saard
|
|
« ตอบ #18 เมื่อ: 19, ธันวาคม 2012, 08:00:38 PM » |
|
ผมก็ใช้engine breakมาตลอด3-4ปี มาแล้ว รถวิ่งได้สามหมื่อนสี่พันโลพึ่งเปลี่ยนสเตอร์หน้า เมื่ออาทิตย์ที่แล้วเอง ฟันมันบางลงนิดหน่อย จะเอาไปเขาทับเบิก ในรถยนต์ผมใช้มากี่คันๆเป็น สิบปีและมอไซด์นี้ก็ไม่เคยต้องเปลี่ยนผ้าเบรคกะเขาเลย ใช้engine breakช่วยคุณได้ในเวลาฉุกเฉินหรือเวลาล้อล๊อก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
รามอินทรากม.8 148/85ซ.คู้บอน27แยก52 บ้านเกิดอุทัยธานี tel 0897439980 artp009@hotmail.comurl=http://upic.me/show/40340656] [/url]
|
|
|
artunz
|
|
« ตอบ #19 เมื่อ: 19, ธันวาคม 2012, 08:31:53 PM » |
|
อ๋อ มันคือการเบรคโดนการลดเกีย ใช่ไหมครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ถนนเถื่อน เสียไม่ได้
|
|
|
|