น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ 100% มีคุณภาพคุ้มกับราคาหรือไม่? โดนใจมากเลยครับกับคำถามนี้ เป็นคำถามที่คนส่วนใหญ่จะสอบถามกันครับ ขออธิบายจุดเด่น ของน้ำมันเครื่องสังเคราะห์กันก่อนนะครับ คือ
*
ข้อดีประการแรก ของน้ำมันเครื่องสังเคราะห์ 100% คือ การมีความหนืดต่ำที่อุณหภูมิต่ำ จึงมีผลทำให้น้ำมันเครื่องไหลไปหล่อลื่นส่วนต่าง ๆ ของเครื่องยนต์ได้อย่างรวดเร็วตั้งแต่เริ่มติดเครื่องยนต์ขณะเย็นจัด เช่น ต่ำกว่า 0° องศาเซลเซียส (ซึ่งสภาวะเช่นนี้มีเฉพาะบนเขาสูง ในหน้าหนาวเพียงไม่กี่วันเท่านั้นในประเทศไทย)
*
ข้อดีประการที่ 2 คือ ทนต่อความร้อนสูงที่หัวลูกสูบส่วนบน และผนังกระบอกสูบได้ดี จึงมีอัตราการระเหยเป็นไอน้อยกว่าน้ำมันเครื่อง "ธรรมดา" อัตราการสิ้นเปลือง น้ำมันเครื่องจึงน้อยกว่า
*
ข้อดีประการที่ 3 คือ การมีค่าดัชนีความหนืดสูง โดยไม่ต้องใส่สารปรับดัชนีความหนืดในปริมาณมากเท่าน้ำมันเครื่องธรรมดา ว่ากันแบบง่าย ๆ ก็คือ สารปรับดัชนีความหนืด เป็นตัวช่วยไม่ให้น้ำมันเครื่องใส หรือข้นน้อยเกินไปเมื่อถูกความร้อน แต่สารนี้จะเสื่อมสภาพเมื่อถูกความร้อนสูง และแรงเฉือนในเครื่องยนต์ น้ำมันเครื่อง "ธรรมดา" จึงรักษาความข้น หรือความหนืดขณะร้อนจัดได้ไม่ดีเท่าตอนที่น้ำมันเครื่องยังใหม่ ๆ อยู่ ส่วนน้ำมันเครื่องสังเคราะห์นั้น มีโมเลกุลขนาดใกล้เคียงกันคงเส้นคงวาตลอด ไม่ค่อยมีความ เปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น จึงไม่ต้องการสารปรับดัชนีความหนืดมาก เหมือนน้ำมันเครื่องธรรมดา อายุการใช้งานของน้ำมันเครื่องสังเคราะห์จึงสูงกว่ามาก "ว่ากันอย่างไม่ต้องอ้างอะไรให้ยุ่งยาก อย่างน้อยก็ 2 เท่าของน้ำมันเครื่องธรรมดาครับ"
แต่ถ้าเปรียบเทียบราคาน้ำมันเครื่องสังเคราะห์ กับราคาน้ำมันเครื่องธรรมดาระดับน้ำมันเครื่องสูงสุด น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ จะมีราคาสูงกว่า 2-3 เท่า ทำให้ไม่สามารถกล่าวได้อย่างเต็มที่นักว่าคุ้มกว่าการใช้น้ำมันเครื่องธรรมดาหรือไม่ นอกเสียจากข้อมูลดังต่อไปนี้ที่คนทั่วไปนำมาเป็นหลักคิดครับ
1. ผู้ที่ต้องการดูแลเครื่องยนต์เป็นพิเศษ , ผู้ที่ต้องการถนอมให้เครื่องยนต์สึกหรอน้อยที่สุด และต้องการให้รถของเรามีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น ซึ่งปัจจัยนี้เป็นปัจจัยหลัก ที่คนส่วนใหญ่ให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกเลย
2. ผู้ที่ชอบของแพง ถ้าอยู่ในฐานะที่สามารถซื้อหาได้ โดยไม่ได้ทำให้ใครต้องเดือนร้อน (เช่น ต้องแอบจิกเงิน ผบ.ทบ. อิอิ)
3. ผู้ที่ใช้รถประมาณวันละ 100 กม.ขึ้นไป ไม่ว่าจะใช้ในเมืองหรือขับทางไกลก็ตาม โดยสามารถยึดระยะเปลี่ยนน้ำมันเครื่องจากที่กำหนดไว้ได้อีก 5,000 ถึง 10,000 กม. เพื่อชดเชยราคาที่สูงกว่า โดยไม่ต้องกังวลว่าน้ำมันเครื่องจะเสื่อมสภาพหรือไม่ จึงทำให้หมดห่วงไปได้ในเรื่องของน้ำมันเครื่อง
การใช้น้ำมันเครื่องที่มีคุณภาพต่ำแต่เปลี่ยนบ่อยดีกว่าหรือไม่? ฟันธงได้เลยครับว่า "เป็นวิธีที่ไม่ควรปฏิบัติอย่างยิ่งครับ" เพราะน้ำมันเครื่องคุณภาพต่ำนั้น จะทำให้เครื่องยนต์สึกหรอตั้งแต่แรกที่เติมแล้วครับ เปลี่ยนไปใช้น้ำมันเครื่องที่สูงกว่า ราคาอาจสูงกว่าแต่เรื่องคุณภาพจะดีกว่ามาก ๆ ครับ จะได้ประหยัดเงินในส่วนของค่าใช้จ่าย ในการซ่อมบำรุงเครื่องยนต์ไปได้อีกเยอะครับ แต่มีข้อสำคัญนิดนะครับว่า อย่าแน่ใจจากรูปแบบการบรรจุ และข้อความด้านข้างเท่านั้น เพราะตอนนี้มีน้ำมันของปลอมออกมาขายกันเยอะครับ โดยไม่มีใครตั้งใจจะปราบปรามอย่างจริงจัง ทำให้ผู้บริโภคโดนเอาเปรียบอยู่เสมอมา และไม่สามารถไปเรียกร้องกับใครได้ ให้เราคิดเสียว่าของดี ราคาถูก ไม่มีในโลก ถึงจะแพงแต่คับด้วยคุณภาพ อย่างนี้น่าคบกว่าเยอะครับ
การเลือกซื้อน้ำมันเครื่อง ก่อนอื่นเลยก็ต้องเลือกที่ "ยี่ห้อ"และตัวแทนที่มีมาตรฐาน แล้วจึงค่อยเลือกระดับความหนืด และคุณภาพของน้ำมันเครื่องที่เหมาะสมกับการใช้งานของเรา เช่น น้ำมันเครื่องโดยทั่ว ๆ ไปจะมีค่าดังต่อไปนี้ครับ 10W-40 , 15W-40 , 15W-50 , 20W-50 ส่วนค่าตัวเลขในชุดหลังนั้นจะต้องไม่ต่ำกว่า 40 (ความหนืด) นะครับ ยกเว้นน้ำมันเครื่องสังเคราะห์ ถ้าใช้รถในที่หนาวเย็นบ่อยควรเลือกเบอร์แรก ๆ ไว้ก่อนครับ เช่น 10W-40 หรือ 15W-40 จะดีที่สุด ดูข้อมูลค่าตัวเลขได้ตามตารางข้างล่างครับ
การตรวจสอบคุณภาพน้ำมันเครื่องด้วยตัวคุณเอง ตามปกติผู้ใช้รถต้องหมั่นตรวจระดับน้ำมันเครื่องอย่างสม่ำเสมอสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง ไม่ควรปล่อยให้ระดับน้ำมันเครื่องอยู่ในระดับที่ต่ำจนเกินไป ซึ่งในการตรวจระดับน้ำมันเครื่อง คุณสามารถทำได้ตามขั้นตอนดังนี้
* จอดรถอยู่ในแนวระดับราบ อุ่นเครื่องยนต์จนถึงอุณหภูมิทำงาน
* ดับเครื่องยนต์ทิ้งไว้ 4-5 นาที เพื่อให้น้ำมันเครื่องไหลกลับมาลงอ่างแล้วจึงทำการตรวจสอบ
* น้ำมันเครื่องที่ปลายก้านวัดน้ำมันเครื่อง ควรอยู่ระหว่างขีด " F " และ " L " (ส่วนรถมอเตอร์ไซต์ก็ดูที่ตาแมวแถว ๆ บริเวณเครื่องได้ครับ )
* ถ้าน้ำมันยังไม่ได้ระดับให้เติมน้ำมันเครื่องทีละน้อย จนถึงระดับที่เหมาะสม (น้ำมันควรอยู่ระหว่างขีด " F " และ " L ")
1. ข้อควรระวัง อย่าเติมน้ำมันเครื่องมากเกินไป เพราะหากมีน้ำมันเครื่องมากเกินไป ข้อเหวี่ยงอาจตีไปโดน และกระเด็นเข้าสู่ห้องเผาไหม้ จนทำให้เกิดควันขาว และทำให้เครื่องยนต์เสียหายได้
2. ในระหว่างการตรวจเช็ค ควรระมัดระวัง เพราะอาจสัมผัสถูกท่อร่วมไอเสียขณะที่มีอุณหภูมิสูง
สุดท้ายนี้ การเลือกใช้น้ำมันเครื่องนั้น ควรใช้ปัจจัยหลาย ๆ อย่างมาเป็นตัวตัดสินใจ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการปฏิบัติตามคู่มือจะดีที่สุด ว่าควรใช้แบบไหนและอย่างไร ในคู่มือการใช้รถมีบอกเอาไว้อยู่แล้วครับ แต่ถ้าใครต้องการดูแลเครื่องยนต์ให้อยู่ทนทานและสภาพดี และไม่ได้กังวลเรื่องราคามากนัด ก็เลือกใช้น้ำมันเครื่องคุณภาพดีไปเลยครับ และสิ่งสำคัญระลึกไว้เสมอครับว่า
"
ของดีราคาถูก ไม่มีอยู่ในโลกนี้ ของดีราคาแพง แต่มักจะแพงอย่างมีเหตุผลครับ"
ขอบคุณที่มา : http://www.pandarider.com/