CBRSCLUB.COM

CBRs FORUM => CBR : CAFE => ข้อความที่เริ่มโดย: downhill ที่ 18, ธันวาคม 2012, 11:24:11 PM



หัวข้อ: Engine Break บ่อยรถจะพังไหมครับ
เริ่มหัวข้อโดย: downhill ที่ 18, ธันวาคม 2012, 11:24:11 PM
Engine Break บ่อยมีข้อเสียอะไรไหม  เครื่องจะสึกหรอไวกว่าปกติไหมครับ  ผมใช้ทุกครั้งก่อนจะเบรคเลย ใช้แล้วเครื่องจะมีปัญหาไรไหม >%^SR


หัวข้อ: Re: Engine Break บ่อยรถจะพังไหมครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Herulaya ที่ 18, ธันวาคม 2012, 11:50:36 PM
คู่มือยังแนะนำให้ใช้ มันก็ไม่เป้นไรหรอกครับผม


หัวข้อ: Re: Engine Break บ่อยรถจะพังไหมครับ
เริ่มหัวข้อโดย: mans ที่ 18, ธันวาคม 2012, 11:58:08 PM
ก็มีบ้างครับแต่แลกกับความปลอดภัย ถือว่าคุ้มค่ามากมาย

-  โซ่ ต้องทนแรงกระชาก คุณสมบัตินี้ต้องมีอยู่แล้ว
-  ยางกันกระชากดุมสเตอ นิดหน่อยเรื่องเล็ก
-  ชุดเรือนคลัชท์ ก็พวกลูกยาง สปริงกันกระชากในเรือนคลัชท์ (ไม่ใช่สปริงกด)

ทุกอย่างก็เรื่องปกติของการใช้งานครับ ต้องมีสึกหรอตามระยะการใช้งาน ครับ ใช้ไปเถอะมันเป็นหลักการเบรคที่ถูกต้องแล้ว


หัวข้อ: Re: Engine Break บ่อยรถจะพังไหมครับ
เริ่มหัวข้อโดย: james_16 ที่ 19, ธันวาคม 2012, 12:03:32 AM
 l11 l11 l11 l11


หัวข้อ: Re: Engine Break บ่อยรถจะพังไหมครับ
เริ่มหัวข้อโดย: ขี้เมาใจดี ที่ 19, ธันวาคม 2012, 12:07:45 AM
 !goodjob   ใช้ไปเถอะครับ   !wanwan    ปลอดภัย อุ่นใจ สบายกาย


หัวข้อ: Re: Engine Break บ่อยรถจะพังไหมครับ
เริ่มหัวข้อโดย: PezZiie ที่ 19, ธันวาคม 2012, 12:54:21 AM
  >coooool


หัวข้อ: Re: Engine Break บ่อยรถจะพังไหมครับ
เริ่มหัวข้อโดย: downhill ที่ 19, ธันวาคม 2012, 01:44:44 AM
ทุกๆวันนี้ ใช้แต่เบรคหน้ากับเอ็นจิ้นเบรคครับ 55 >%REDD ผ้าเบรคหลังเหลือบานเลย   >%^SR


หัวข้อ: Re: Engine Break บ่อยรถจะพังไหมครับ
เริ่มหัวข้อโดย: buusakao15 ที่ 19, ธันวาคม 2012, 02:12:18 AM
  <cryถามแบบคนไม่รู้นั่ะครับไอเอ็นจิ้นเบรกนี่มันใช้ยังไงเหรอครับ


หัวข้อ: Re: Engine Break บ่อยรถจะพังไหมครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Stoner ที่ 19, ธันวาคม 2012, 04:55:07 AM
โซ่ สเตอร์ ยางกันกระชาก ไปไวหน่อย แต่ก็ไม่เป็นไร ปลอดภัยไว้ก่อนครับ


หัวข้อ: Re: Engine Break บ่อยรถจะพังไหมครับ
เริ่มหัวข้อโดย: skylinegtr02 ที่ 19, ธันวาคม 2012, 05:24:09 AM
THAIDRIVER • เรื่องการเชนจ์เกียร์ช่วยเบรก เคยคุยกันไปครั้งหนึ่ง
แล้ว แต่ในช่วงที่ผ่านมาก็ยังมีความเข้าใจผิดในวงกว้าง คิดว่าการเชนจ์
เกียร์ช่วยเบรก หรือ ENGINE BRAKE เป็นสิ่งที่ถูกต้อง
ในการแข่งรถฟอร์มูลา วัน ก็มีเสียงที่ชวนให้เข้าใจผิด ตอนรถวิ่ง
มาสุดทางตรงกำลังจะเข้าโค้ง มีเสียงคล้ายเชนจ์เกียร์ ทำให้คนดูคิดว่า
ขนาดฟอร์มูลา วัน ยังเชนจ์เกียร์ก่อนเข้าโค้ง แสดงว่าทำแล้วต้องดีก็
เลยทำตาม
อ. ศิริบูรณ์ • รถฟอร์มูลาวัน วิ่งมาสุดทางตรงในเกียร์ 7 กำลัง
จะเข้าโค้งซึ่งต้องใช้เกียร์ 3 คนขับก็ต้องเปลี่ยนเกียร์จาก 7 ไล่ผ่าน
6...5...4...3 เพราะเกียร์ของฟอร์มูลาวัน เป็นซีเควนเชียล ต้องไล่ทีละ
เกียร์ กระโดดข้ามเกียร์ไม่ได้ ไม่ใช่การเชนจ์เกียร์เพื่อต้องการ
ENGINE BRAKE
ถ้าฟอร์มูลาวัน ใช้เกียร์ที่มีร่องตัว H เหมือนรถบ้านสุดทางตรง
ในเกียร์ 7 ก็จะดึงลงมาผ่านเกียร์ว่างก่อน แล้วยัดเข้าเกียร์ 3 ไม่ต้อง
ไล่ลงทีละเกียร์แบบซีเควนเชียล

THAIDRIVER • ย้อนกลับมาเรื่องเชนจ์เกียร์ช่วยเบรกหรือ ENGINE
BRAKE ถ้าขับรถลงทางลาดชัน การใช้เกียร์ต่ำเพื่อลดภาระของเบรกก็
เป็นเรื่องที่มีเหตุผลที่จะทำ แต่การเข้าโค้งบนทางราบไม่จำเป็น
อ. ศิริบูรณ์ • ในอดีต (เกินกว่า 50 ปี) ที่ต้องใช้ ENGINE
BRAKE เพราะผ้าเบรกในสมัยนั้นอายุสั้นเพราะเป็น ‘ผ้า’ จริงๆจน
ติดปากเป็นประวัติศาสตร์ของคำว่า ‘ผ้าเบรก’ เบรกต่อเนื่องได้ไม่
นานผ้าเบรกก็ไหม้หมด เพราะฉะนั้นจึงต้องเชนจ์เกียร์เพื่อใช้
ENGINE BRAKE
ในรถบรรทุกที่มีน้ำหนักบรรทุกเกิน 50% กดอยู่บนล้อหลัง
ซึ่งเป็นล้อขับเคลื่อน การเชนจ์เกียร์เพื่อให้เครื่องช่วยเบรกจึงไม่ค่อย
มีปัญหา
แต่ถ้าเป็นรถนั่ง (ขับล้อหลัง) ซึ่งน้ำหนักกดล้อหลังไม่มากเกิน
50% ถ้าใช้เครื่องยนต์ช่วยเบรก ล้อหลังจะ SKID ตอนลงเขา ก็จะ
เป็นปัญหาเพราะยางจะบังคับทิศทางไม่ได้ ก็ที่เรียกว่า ‘ท้ายปัด’
นั่นละ มนุษย์เพิ่งค้นพบเมื่อไม่นานมานี้ว่า ถ้าล้อหลัง SKID จะ
ทำให้ควบคุมทิศทางไม่ได้ สมัยก่อนไม่รู้ว่ารถวิ่งอยู่ดีๆ ทำไมถึง
สไลด์ ไม่รู้หรอกว่าเป็นเพราะ ENGINE BRAKE ทำให้รถสไลด์
รถบรรทุก 10 ล้อ มีน้ำหนักกดอยู่บนล้อหลัง 75% ล้อหน้า
25% ใช้ ENGINE BRAKE ได้โดยไม่ต้องกลัวว่าล้อหลังจะ SKID รถ
ขับล้อหน้าเกียร์ธรรมดา น้ำหนักกดอยู่บนล้อหน้า 60% ล้อหลัง
40% ถ้าเชนจ์เกียร์ลงต่ำแล้วปล่อยคลัตช์ ไม่ต้องกลัวว่าล้อหลังจะ
SKID (เพราะมันไม่ได้ต่อกับเครื่องยนต์) แต่ล้อหน้าจะไถ
(UNDERSTEER) แล้วจะเลี้ยวไม่เข้า (ถ้าทำแบบเดียวกันในรถนั่งขับ
ล้อหลังก็จะ OVERSTEER)
แต่คนทั่วไปไม่กลัว UNDERSTEER ก็เลยมีคนใช้ ENGINE
BRAKE ทั้งที่ไม่มีความจำเป็น ผมใช้คำว่า ‘ความจำเป็น’ ไม่ค่อย
ขลังเหมือนคำว่า ‘ข้อห้าม’ ผมไม่กล้าใช้คำว่า ‘ห้าม’ เพราะเมื่อ
เชนจ์เกียร์แล้วย่อมมี ENGINE BRAKING แน่นอน แต่แรงม้าช่วย
เบรก (NEGATIVE HORSEPOWER) ที่ได้มันไม้คุ้มเสีย มันอยู่แค่ไม่กี่
สิบตัว ขึ้นอยู่กับว่าเครื่องเล็กหรือเครื่องใหญ่
ในภาษาคณิตศาสตร์ ถ้าให้ค่าของการเร่งเดินหน้าเป็นบวก
เมื่อเชนจ์เกียร์ลงต่ำเพื่อให้รถช้าลง ค่าการเร่งเดินหน้าก็จะเป็นลบ
เพราะฉะนั้นแรงม้าขณะเบรกจึงเรียกว่า NEGATIVE HORSEPOWER
เครื่องปัจจุบันพยายามออกแบบให้มี PUMPING LOST น้อย
ลง มีความฝืดน้อยลง ใช้แหวนลูกสูบบางลงและนิ่มขึ้น น้ำมันเครื่อง
ก็ลื่นกว่าเดิม เพราะฉะนั้นแรงเบรกที่ได้จาก ENGINE BRAKE ก็ยิ่ง
น้อยลง
อยากรู้ว่าระบบเบรกเท้ามีแรงเบรกเท่าไร ก็ตรวจสอบไม่ยาก
สมมุติแกล้งโง่เชื่อโฆษณาว่าเครื่อง 2,000 ซีซี มี 150 แรงม้า ลอง
เร่งจาก 0-100 กม./ชม. จับเวลาว่ากี่วินาทีแล้วจดเอาไว้ สมมุติว่า 0-
100 กม./ชม. ใช้เวลา 10 วินาที จากนั้นรักษาความเร็วไว้ที่ 100
กม./ชม. แล้วกระทืบเบรกเต็มเท้าและคาไว้กระทั่งรถหยุดนิ่ง ดูว่าใช้
เวลาเท่าไร
ถ้าการเบรกจาก 100-0 กม./ชม. ใช้เวลา 2 วินาที แสดงว่า
แรงม้าของระบบเบรก มากกว่าแรงม้าของเครื่องยนต์ 5 เท่า เพราะ
ฉะนั้นรถคันนั้นมีแรงเบรกเท้าถึง 750 NEGATIVE HORSEPOWER
แล้วจะไปเชนจ์เกียร์เพื่อเอาแรงม้า 30-40 ตัวจาก ENGINE
BRAKE ทำไม? ลองเชนจ์ลงเกียร์ 3 แล้วปล่อยไหลจาก 100 กม./
ชม.จนกว่ารถจะหยุดดูซิ (ต้องใช้เวลาตั้งครึ่งนาที)

 :-\  คิดว่าคงเหมือนมอไซอะ


หัวข้อ: Re: Engine Break บ่อยรถจะพังไหมครับ
เริ่มหัวข้อโดย: PezZiie ที่ 19, ธันวาคม 2012, 05:38:30 AM
  <cryถามแบบคนไม่รู้นั่ะครับไอเอ็นจิ้นเบรกนี่มันใช้ยังไงเหรอครับ

การใช้เครื่องยนต์ช่วยในการชะลอรถอะครับ

เหมือนเวลาใส่เกียร์ 1 ไว้แล้วปล่อยไหลลงจากเขา ประมานนั้นอะจ่ะ  !>>)


หัวข้อ: Re: Engine Break บ่อยรถจะพังไหมครับ
เริ่มหัวข้อโดย: artunz ที่ 19, ธันวาคม 2012, 06:32:47 AM
ผมอ่านมาก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีครับ  ???


หัวข้อ: Re: Engine Break บ่อยรถจะพังไหมครับ
เริ่มหัวข้อโดย: iceswat ที่ 19, ธันวาคม 2012, 04:01:11 PM
ขี่เองแล้วจะรู้ประสบการณ์จะสอนคุณเอง :D


หัวข้อ: Re: Engine Break บ่อยรถจะพังไหมครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Golf410spk ที่ 19, ธันวาคม 2012, 04:06:37 PM
ใช้ไปเถอะ ไม่พังหรอกครับ มันเป็นธรรมชาติของเครื่องยนต์  l14


หัวข้อ: Re: Engine Break บ่อยรถจะพังไหมครับ
เริ่มหัวข้อโดย: mans ที่ 19, ธันวาคม 2012, 04:18:16 PM
ผมอ่านมาก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีครับ  ???

อาจารย์แก บรรยายถึง กำลังเบรคที่กระทำต่อล้อครับ ว่าแค่ใช้ระบบเบรคที่เท้าก็สามารถหยุดล้อได้เหลือๆ และ สมดุลของการเบรคของเครื่องยนต์กับระบบ ขับหน้าและหลัง
แต่นั้นมันรถยนต์ที่เบรคกดพร้อมกัน 4 ล้อ ในเวลาเดียวกัน

แต่มอเตอร์ไซค์ ระบบเบรคมันแยกกัน หน้าใช้มือ  หลังใช้เท้า เราจึงต้องสร้างสมดุลการเบรคโดยการใช้ เอ็นจิ้นเบรคช่วยครับ  

แต่ถ้าเป็น รถที่ใช้ระบบเบรคเรเดียนเม้า 4 พอต คู่หน้า เอ็นจิ้นเบรคก็มีประโยชน์เพียงน้อยนิด  ขึ้นอยู่กับสภาพถนน สถานการณ์ และช่วงจังหวะนั้นๆ ว่าไปแล้วมันก็ลึกซึ้งละ ผมก็เข้าไม่ถึง


หัวข้อ: Re: Engine Break บ่อยรถจะพังไหมครับ
เริ่มหัวข้อโดย: KAATO ที่ 19, ธันวาคม 2012, 04:35:55 PM
ผมเอนจิ้น เชนลงทีละ2เกียร์ ล้อแทบล็อค ประจำ ขับไปกลับทำงานวันละ50โล

เอนจิ้นแทนเบรคตลอดทาง เพราะมันต้องออกตัวสลับกับชะลอรถ(รถติดใน กทม)

และทำติดต่อกันมา8ปีแล้ว

ตลอด8ปี เปลี่ยนคลัชไปครั้งเดียว

Tip นิดนึง ในการเชนเกียร์หนักๆ

ก่อนจะเชนเกียร์ลงในรอบสูง ให้เลียคลัชไว้แล้วเปิดคันเร่งเรียกรอบเพิ่มสัก1000รอบ ก่อนตบเกียร์ลง

มันจะเป็นการใช้ Slipper clutch แบบ บ้านๆ ทำให้ล้อไม่ล็อค และไม่กระชากเครื่องจนเกินไป

พูดเหมือนยากนะ แต่ทำบ่อยๆ แล้วมันก็ชินไปเอง


หัวข้อ: Re: Engine Break บ่อยรถจะพังไหมครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Aek D-Zan ที่ 19, ธันวาคม 2012, 04:47:53 PM
ผมเอนจิ้น เชนลงทีละ2เกียร์ ล้อแทบล็อค ประจำ ขับไปกลับทำงานวันละ50โล

เอนจิ้นแทนเบรคตลอดทาง เพราะมันต้องออกตัวสลับกับชะลอรถ(รถติดใน กทม)

และทำติดต่อกันมา8ปีแล้ว

ตลอด8ปี เปลี่ยนคลัชไปครั้งเดียว

Tip นิดนึง ในการเชนเกียร์หนักๆ

ก่อนจะเชนเกียร์ลงในรอบสูง ให้เลียคลัชไว้แล้วเปิดคันเร่งเรียกรอบเพิ่มสัก1000รอบ ก่อนตบเกียร์ลง

มันจะเป็นการใช้ Slipper clutch แบบ บ้านๆ ทำให้ล้อไม่ล็อค และไม่กระชากเครื่องจนเกินไป

พูดเหมือนยากนะ แต่ทำบ่อยๆ แล้วมันก็ชินไปเอง



ทำแบบโต้บอกก็ได้ครับ ถ้ากลัวล้อล้อค อยากให้มีเอนจิ้นมากน้อย อยู่ที่มือซ้าย เลียครัทช์มากน้อยอยู่ที่มือเรา

เพราะมันช่วยลดแรงกระแทกกลับไปที่ชุดครัชท์ ระบบเกียร์ ข้อเหวี่ยงและก้านสูบ เสียหายน้อยที่สุด  แถมหยุดรถได้มั่นใจ

ไม่เป๋อีกด้วย



หัวข้อ: Re: Engine Break บ่อยรถจะพังไหมครับ
เริ่มหัวข้อโดย: NOKLEK ที่ 19, ธันวาคม 2012, 05:51:31 PM
ต้องถามว่าซื้อประกันกันรึเปล่า ถ้าซื้อแล้วได้ใช้ซักกี่ครั้ง เต็มวงเงินรึเปล่า ??

การใช้ engine break ก็เหมือนซื้อประกันอะไรไว้ซักอย่าง เพราะเครื่องยนต์หมุนตลอดเวลา ล้อจึงลดความเร็วลงแต่ไม่ถึงกับล้อล็อก
เพราะถ้ามองภาพโดยรวม ถ้าล้อไม่เสียค่าแรงเสียดทานที่มีกับถนน ก็จะไม่เกิดการสไลด์  = รถมีโอกาสน้อยที่จะเสียการทรงตัว = ลดการเกิดอุบัติเหตุกับตัวผู้ขับขี่

***แต่ คุณก็ต้องเสียเบี้ยประกัน เป็นค่าสึกหรอของเครื่องยนต์ (ก็แค่ก่อนวัยร์อันควร ถึงไงเครื่องยนต์ก็สึกหรอต่อเนื่องอยู่แล้ว)

จะใช้ engine break หนัก-เบา ก็อยู่ที่ Level ของผู้ขี่  เบาสุดๆก็แค่ผ่อนคันเร่ง หนักขึ้นมาหน่อยก็ลดลงมา 1 เกียร์ หนักๆก็ 2 เกียร์

ปล. คงไม่มีใครคิดใช้เทคนิกนี้ตอนอยู่ในโค้งนะครับ อันตราย!!


หัวข้อ: Re: Engine Break บ่อยรถจะพังไหมครับ
เริ่มหัวข้อโดย: saard ที่ 19, ธันวาคม 2012, 08:00:38 PM
ผมก็ใช้engine breakมาตลอด3-4ปี มาแล้ว รถวิ่งได้สามหมื่อนสี่พันโลพึ่งเปลี่ยนสเตอร์หน้า
เมื่ออาทิตย์ที่แล้วเอง ฟันมันบางลงนิดหน่อย จะเอาไปเขาทับเบิก ในรถยนต์ผมใช้มากี่คันๆเป็น
สิบปีและมอไซด์นี้ก็ไม่เคยต้องเปลี่ยนผ้าเบรคกะเขาเลย ใช้engine breakช่วยคุณได้ในเวลาฉุกเฉินหรือเวลาล้อล๊อก


หัวข้อ: Re: Engine Break บ่อยรถจะพังไหมครับ
เริ่มหัวข้อโดย: artunz ที่ 19, ธันวาคม 2012, 08:31:53 PM
อ๋อ มันคือการเบรคโดนการลดเกีย ใช่ไหมครับ


หัวข้อ: Re: Engine Break บ่อยรถจะพังไหมครับ
เริ่มหัวข้อโดย: aonkorn ที่ 19, ธันวาคม 2012, 09:22:01 PM
 l9 l9


หัวข้อ: Re: Engine Break บ่อยรถจะพังไหมครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Herulaya ที่ 19, ธันวาคม 2012, 10:56:24 PM
อ๋อ มันคือการเบรคโดนการลดเกีย ใช่ไหมครับ
ไม่ใช่ จริงแล้วคือเบรคโดยไม่ไปยุ่งกับคลัชท์ส่วนใหญ่จะบีบกันเพราะกลัวรถดับ
การเบรคโดยใช้เกียร์ถ้าไม่ชำนาญจริงๆอย่าเลยระวังมันดีดตกรถเอาได้ มีทักษะอะไรที่มากๆกว่านี้ก่อนค่อยทำ
แต่ไม่มายุ่งกับคลัชท์แค่นั้นเพียงพอแล้วครับ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการเบรคจากเบรคปกติก็สำคัญที่สุดเสมอ
การลดเกียร์ลงมานั้นทำเพื่อให้รอบเครื่องสอดคล้องกับความเร็วเฉยๆครับ อย่า!! คิดใช้เป็นเบรคหลักเป็นเด็ดขาด ใช้มาเสริมเท่านั้นนะครับ
 !wanwan !wanwan


หัวข้อ: Re: Engine Break บ่อยรถจะพังไหมครับ
เริ่มหัวข้อโดย: colasour ที่ 20, ธันวาคม 2012, 12:05:11 AM
ที่ผมเข้าใจก็แบบว่า เปิดคันเร่งไปสักพักพอเราจะเบรคเราก็ใช้ Engine break โดยปิดคันเร่ง(ปล่อยคันเร่งหรือคืนคันเร่ง) แต่ไม่บีบครัช เราจะเกิดอาการเหมือนมีแรงฉุดบางคนอาจจะเรียกว่ากระชากเลย เสียงเครื่องจะตื้อๆหน่อย แล้วเราก็กดเบรคหน้าทันทีที่ปิดคันเร่ง พอรอบเครื่องเริ่มตกไปสักพักจนแรงฉุดหมดไป เราก็เชนเกียร์ลงอีกแล้วก็ปล่อยครัชอีก แล้วก็เบรคอีก จนกว่าความเร็วจะได้ตามที่ต้องการ หรือตามที่ต้องการจะให้รถหยุด ผมจะใช้ครัชเฉพาะตอนเปลี่ยนเกียร์กับตอนออกตัวที่ความเร็วต่ำกว่า 10 กม./ชม ครับ ไม่รู้ผมเข้าใจถูกมั้ย


หัวข้อ: Re: Engine Break บ่อยรถจะพังไหมครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Aek D-Zan ที่ 20, ธันวาคม 2012, 03:51:28 AM
ที่ผมเข้าใจก็แบบว่า เปิดคันเร่งไปสักพักพอเราจะเบรคเราก็ใช้ Engine break โดยปิดคันเร่ง(ปล่อยคันเร่งหรือคืนคันเร่ง) แต่ไม่บีบครัช เราจะเกิดอาการเหมือนมีแรงฉุดบางคนอาจจะเรียกว่ากระชากเลย เสียงเครื่องจะตื้อๆหน่อย แล้วเราก็กดเบรคหน้าทันทีที่ปิดคันเร่ง พอรอบเครื่องเริ่มตกไปสักพักจนแรงฉุดหมดไป เราก็เชนเกียร์ลงอีกแล้วก็ปล่อยครัชอีก แล้วก็เบรคอีก จนกว่าความเร็วจะได้ตามที่ต้องการ หรือตามที่ต้องการจะให้รถหยุด ผมจะใช้ครัชเฉพาะตอนเปลี่ยนเกียร์กับตอนออกตัวที่ความเร็วต่ำกว่า 10 กม./ชม ครับ ไม่รู้ผมเข้าใจถูกมั้ย


ถูกครับ เป็นวิธีเริ่มของคำว่ารู้จัก Engine Break

อันนี้ส่วนเสริมนะครับ

เทคนิคการใช้ มีมากกว่านั้นเยอะ คนที่รู้จักก็อาจจะแค่รู้จัก หมั่นฝึกมาก ๆ เข้า แล้วมันจะลึกซึ้ง ถามว่ามันต้องเสียอะไร

รถไม่ใช้ก็เสื่อม พอขี่ก็เสีย มันเป็นสัจจะธรรม ที่แน่นอนอยู่แล้วครับ แต่ตวามจริงทั้งหมด มันอยู่ที่การเรียนรู้ว่าคุณจะกุมบังเหียนรถคันนี้ยังไง

ให้ไม่พบเจบอุบัติเหตุ แก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้า และหลีกเลี่ยงเหตุเฉพาะหน้าด้วยทักษะที่คุณมี มันเป็นสิ่งที่ต้องเรียนรู้กันจนไม่มีคำว่า "จบ"

มุมมองของผม มันก็ไม่ได้แตกต่างจากคนที่เคยหรือขี่รถมาก่อน ไม่ว่ามาหลังหรือมาก่อน เทคนิคมันจะต้องฝึกฝนกันเอง เรียนรู้กันเอง แต่ มันจะต้องมีคนนำทาง

แต่ก่อนอื่นต้องทำความรู้จักกับรถของตัวเองให้ดีพอซะก่อน คน 50 รถ 50 รวมทั้ง 2 อย่าง 100 รถทุกคัน สรีระ ไม่เหมือนกัน คน นิสัยการขี่ไม่เหมือนกัน ต้องทำความเข้าใจกันเอง



------------------------

ผมอยากให้ทุกคนเข้าใจคำว่าปลอดภัย ถึงแม้รถมันจะเป็นยังไง รถซ่อมได้ แต่คนซ่อมไม่ได้ครับ ทักษะ + เทคนิค ทำให้วันนี้ผมยังมาบอกกล่าวให้กับน้อง ๆ ได้



หัวข้อ: Re: Engine Break บ่อยรถจะพังไหมครับ
เริ่มหัวข้อโดย: colasour ที่ 20, ธันวาคม 2012, 03:55:09 AM
ที่ผมเข้าใจก็แบบว่า เปิดคันเร่งไปสักพักพอเราจะเบรคเราก็ใช้ Engine break โดยปิดคันเร่ง(ปล่อยคันเร่งหรือคืนคันเร่ง) แต่ไม่บีบครัช เราจะเกิดอาการเหมือนมีแรงฉุดบางคนอาจจะเรียกว่ากระชากเลย เสียงเครื่องจะตื้อๆหน่อย แล้วเราก็กดเบรคหน้าทันทีที่ปิดคันเร่ง พอรอบเครื่องเริ่มตกไปสักพักจนแรงฉุดหมดไป เราก็เชนเกียร์ลงอีกแล้วก็ปล่อยครัชอีก แล้วก็เบรคอีก จนกว่าความเร็วจะได้ตามที่ต้องการ หรือตามที่ต้องการจะให้รถหยุด ผมจะใช้ครัชเฉพาะตอนเปลี่ยนเกียร์กับตอนออกตัวที่ความเร็วต่ำกว่า 10 กม./ชม ครับ ไม่รู้ผมเข้าใจถูกมั้ย


ถูกครับ เป็นวิธีเริ่มของคำว่ารู้จัก Engine Break

อันนี้ส่วนเสริมนะครับ

เทคนิคการใช้ มีมากกว่านั้นเยอะ คนที่รู้จักก็อาจจะแค่รู้จัก หมั่นฝึกมาก ๆ เข้า แล้วมันจะลึกซึ้ง ถามว่ามันต้องเสียอะไร

รถไม่ใช้ก็เสื่อม พอขี่ก็เสีย มันเป็นสัจจะธรรม ที่แน่นอนอยู่แล้วครับ แต่ตวามจริงทั้งหมด มันอยู่ที่การเรียนรู้ว่าคุณจะกุมบังเหียนรถคันนี้ยังไง

ให้ไม่พบเจบอุบัติเหตุ แก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้า และหลีกเลี่ยงเหตุเฉพาะหน้าด้วยทักษะที่คุณมี มันเป็นสิ่งที่ต้องเรียนรู้กันจนไม่มีคำว่า "จบ"

มุมมองของผม มันก็ไม่ได้แตกต่างจากคนที่เคยหรือขี่รถมาก่อน ไม่ว่ามาหลังหรือมาก่อน เทคนิคมันจะต้องฝึกฝนกันเอง เรียนรู้กันเอง แต่ มันจะต้องมีคนนำทาง

แต่ก่อนอื่นต้องทำความรู้จักกับรถของตัวเองให้ดีพอซะก่อน คน 50 รถ 50 รวมทั้ง 2 อย่าง 100 รถทุกคัน สรีระ ไม่เหมือนกัน คน นิสัยการขี่ไม่เหมือนกัน ต้องทำความเข้าใจกันเอง



------------------------

ผมอยากให้ทุกคนเข้าใจคำว่าปลอดภัย ถึงแม้รถมันจะเป็นยังไง รถซ่อมได้ แต่คนซ่อมไม่ได้ครับ ทักษะ + เทคนิค ทำให้วันนี้ผมยังมาบอกกล่าวให้กับน้อง ๆ ได้



 มีเทคนิคก็บอกกันบ้างสิครับ  แต่ก็ขอบคุณครับ สำหรับคำแนะนำ


หัวข้อ: Re: Engine Break บ่อยรถจะพังไหมครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Herulaya ที่ 20, ธันวาคม 2012, 05:37:49 AM
นี่ผมเพิ่งไปกลิ้งโค้งHondaก่อนเข้าทางตรงพีระมาอะ พี่เอก คริๆ ลืมใช้เทคกะนิค ออกS2มาแล้วแบนต่อเลย ปรากฏว่าHigh sideซะงั้น คริๆ
เจ็บสะบ้าหลังไปเกือบๆ2อาทิตย์เลย ข้อมือตอนนี้ยังปวดอยู่เลยฮาๆ
.......................
เทคนิคแบบนี้มันบอกกันไม่ได้นะ บอกได้ก็แค่พื้นฐาน
เพราะนิสัยการขับลักษณะการขับของแต่ละคนมันไม่เหมือนกัน
เอาพื้นฐานไปเรียนรู้แล้วนำไปประยุกต์ให้เข้ากับตัวเองนั่นจะดีที่สุด 100คนสอนเขาก็มีวิธีสอนไม่เหมือนกัน
แต่ส่วนใหญ่พื้นฐานจะมาจากที่เดียวกัน ทำธรรมดาลองผิดถูกไปเรื่อยๆด้วยตนเอง จับอาการดู ทำอย่างนี้รถจะเป็นอย่างไร
แล้วค่อยปรับๆใช้ไป ฝึกฝนมากๆของแบบนี้ มานั่งอ่านเฉยๆมันไม่มีวันเก่งหรอก

วิธีทำก็ ลองดู ตามนี้นะ
เวลาจะเบรคเนี่ยก็ บีบเบรคปกติหนักเบาแล้วแต่ถนัด
จากนั้นบีบคลัทช์เบาๆมันก็เข้าแล้ว ไม่ต้องบีบมากสะกิดๆแค่พอมันจับก็พอ แล้วกดเกียร์ลงทันใดทันที
ในจังหว่ะที่กดเกียร์ลงไปนั้น บิดคันเร่งขึ้นมานิดนึง ประมาณเบิ้ลเครื่อง บื้นๆ แค่ทีเดียวพอนะไม่ต้องบื้นๆ
แล้วคอ่ยๆปล่อยคลัทช์ เลียไว้นิดนึงก็ดีหากเกียร์ต่ำมากหรือรอบสูงมาก เพราะถ้าปล่อนทันทีทันใดรถจะเกิดอาการSKIDที่ล้อหลัง
หรือล้อหลังล็อคชั่วขณะ และในขณะที่มันล็อคนั้นเองมันจะเกิดอาการbumpด้วย หากคนที่ไม่คุ้นเคยไม่ชิน หรือตกใจ อาจเกิดอันตรายได้
แต่ถ้าเราเติมคันเร่งตอนลดเกียร์มาดี อาการพวกนี้ก็แทบจะหมดไปเนียนๆ แต่คลัทช์ยังจำเป้นของเลียไว้เสมอนะ เบาๆหรือจะหนักก็ได้ แล้วแต่มาแรงแค่ไหน
แนะนำทำทีละเกียร์ 6-5 5-4 อะไรแบบนี้ อย่ารูดที่เดียวหมด เพราะแรงมันจะเยอะมากทั้งSKIDและBumpแรงมาก มากจนดีดคุณตกรถได้สบายๆ
ลองเอาไปฝึกใช้ดู บางคนมัวแต่จะทำจนลืมการเบรคปกติกลายเป้ฯว่าเบรคได้แย่กว่าเดิม หรือบางคนกลับใช้มันเป้นเบรคหลักแทนเบรคปกติเสียนี่
ในสนามจริงๆแล้วเขาทำเพื่อใช้เกียร์ให้สัมพันกับโค้งนะไม่ได้ใช้เพื่อการเบรค 


หัวข้อ: Re: Engine Break บ่อยรถจะพังไหมครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Herulaya ที่ 20, ธันวาคม 2012, 06:45:27 AM
http://www.ninja-thailand.com/forum/index.php/topic,266.msg814.html

ไปอ่านเพิ่มดูในนี้อธิบายง่ายเข้าใจดี เปิดไปเจอพอดีเลย


หัวข้อ: Re: Engine Break บ่อยรถจะพังไหมครับ
เริ่มหัวข้อโดย: artunz ที่ 20, ธันวาคม 2012, 07:01:03 AM
นี่ผมเพิ่งไปกลิ้งโค้งHondaก่อนเข้าทางตรงพีระมาอะ พี่เอก คริๆ ลืมใช้เทคกะนิค ออกS2มาแล้วแบนต่อเลย ปรากฏว่าHigh sideซะงั้น คริๆ
เจ็บสะบ้าหลังไปเกือบๆ2อาทิตย์เลย ข้อมือตอนนี้ยังปวดอยู่เลยฮาๆ
.......................
เทคนิคแบบนี้มันบอกกันไม่ได้นะ บอกได้ก็แค่พื้นฐาน
เพราะนิสัยการขับลักษณะการขับของแต่ละคนมันไม่เหมือนกัน
เอาพื้นฐานไปเรียนรู้แล้วนำไปประยุกต์ให้เข้ากับตัวเองนั่นจะดีที่สุด 100คนสอนเขาก็มีวิธีสอนไม่เหมือนกัน
แต่ส่วนใหญ่พื้นฐานจะมาจากที่เดียวกัน ทำธรรมดาลองผิดถูกไปเรื่อยๆด้วยตนเอง จับอาการดู ทำอย่างนี้รถจะเป็นอย่างไร
แล้วค่อยปรับๆใช้ไป ฝึกฝนมากๆของแบบนี้ มานั่งอ่านเฉยๆมันไม่มีวันเก่งหรอก

วิธีทำก็ ลองดู ตามนี้นะ
เวลาจะเบรคเนี่ยก็ บีบเบรคปกติหนักเบาแล้วแต่ถนัด
จากนั้นบีบคลัทช์เบาๆมันก็เข้าแล้ว ไม่ต้องบีบมากสะกิดๆแค่พอมันจับก็พอ แล้วกดเกียร์ลงทันใดทันที
ในจังหว่ะที่กดเกียร์ลงไปนั้น บิดคันเร่งขึ้นมานิดนึง ประมาณเบิ้ลเครื่อง บื้นๆ แค่ทีเดียวพอนะไม่ต้องบื้นๆ
แล้วคอ่ยๆปล่อยคลัทช์ เลียไว้นิดนึงก็ดีหากเกียร์ต่ำมากหรือรอบสูงมาก เพราะถ้าปล่อนทันทีทันใดรถจะเกิดอาการSKIDที่ล้อหลัง
หรือล้อหลังล็อคชั่วขณะ และในขณะที่มันล็อคนั้นเองมันจะเกิดอาการbumpด้วย หากคนที่ไม่คุ้นเคยไม่ชิน หรือตกใจ อาจเกิดอันตรายได้
แต่ถ้าเราเติมคันเร่งตอนลดเกียร์มาดี อาการพวกนี้ก็แทบจะหมดไปเนียนๆ แต่คลัทช์ยังจำเป้นของเลียไว้เสมอนะ เบาๆหรือจะหนักก็ได้ แล้วแต่มาแรงแค่ไหน
แนะนำทำทีละเกียร์ 6-5 5-4 อะไรแบบนี้ อย่ารูดที่เดียวหมด เพราะแรงมันจะเยอะมากทั้งSKIDและBumpแรงมาก มากจนดีดคุณตกรถได้สบายๆ
ลองเอาไปฝึกใช้ดู บางคนมัวแต่จะทำจนลืมการเบรคปกติกลายเป้ฯว่าเบรคได้แย่กว่าเดิม หรือบางคนกลับใช้มันเป้นเบรคหลักแทนเบรคปกติเสียนี่
ในสนามจริงๆแล้วเขาทำเพื่อใช้เกียร์ให้สัมพันกับโค้งนะไม่ได้ใช้เพื่อการเบรค 
ปล่อยคันเร่งแล้วมันจะดับไหมครับ ผมไม่เคยลอง กลัวล้อตาย หรือเขาปล่อยกันแปบเดียวไม่ถึงกับปล่อยแช่จนรถช้าลง ???


หัวข้อ: Re: Engine Break บ่อยรถจะพังไหมครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Herulaya ที่ 20, ธันวาคม 2012, 07:16:00 AM
ถ้าดับล้อล็อคแล้วผมจะแนะนำให้เกิดอันตรายทำไมครับ
ผมปล่อย3ไปกิโลก็ไม่เห็นมันจะดับ มันจะดับก็ต่อเมื่อรอบเครื่องตกลงมาอยู่ในช่วงรอบเดินเบา
ถ้ารอบเครื่องยังไม่ตกมาขนาดนั้นก็อย่าไปยุ่งมันเลยเอาไว้จะเปลี่ยนเกียร์จะจอดหรือขับช้าๆพอแล้ว
เลิกใช้ความเชื่อโบราณๆนั้นซะ เหอะๆ


หัวข้อ: Re: Engine Break บ่อยรถจะพังไหมครับ
เริ่มหัวข้อโดย: mangkazai ที่ 20, ธันวาคม 2012, 07:26:08 AM
นี่ผมเพิ่งไปกลิ้งโค้งHondaก่อนเข้าทางตรงพีระมาอะ พี่เอก คริๆ ลืมใช้เทคกะนิค ออกS2มาแล้วแบนต่อเลย ปรากฏว่าHigh sideซะงั้น คริๆ
เจ็บสะบ้าหลังไปเกือบๆ2อาทิตย์เลย ข้อมือตอนนี้ยังปวดอยู่เลยฮาๆ
.......................
เทคนิคแบบนี้มันบอกกันไม่ได้นะ บอกได้ก็แค่พื้นฐาน
เพราะนิสัยการขับลักษณะการขับของแต่ละคนมันไม่เหมือนกัน
เอาพื้นฐานไปเรียนรู้แล้วนำไปประยุกต์ให้เข้ากับตัวเองนั่นจะดีที่สุด 100คนสอนเขาก็มีวิธีสอนไม่เหมือนกัน
แต่ส่วนใหญ่พื้นฐานจะมาจากที่เดียวกัน ทำธรรมดาลองผิดถูกไปเรื่อยๆด้วยตนเอง จับอาการดู ทำอย่างนี้รถจะเป็นอย่างไร
แล้วค่อยปรับๆใช้ไป ฝึกฝนมากๆของแบบนี้ มานั่งอ่านเฉยๆมันไม่มีวันเก่งหรอก

วิธีทำก็ ลองดู ตามนี้นะ
เวลาจะเบรคเนี่ยก็ บีบเบรคปกติหนักเบาแล้วแต่ถนัด
จากนั้นบีบคลัทช์เบาๆมันก็เข้าแล้ว ไม่ต้องบีบมากสะกิดๆแค่พอมันจับก็พอ แล้วกดเกียร์ลงทันใดทันที
ในจังหว่ะที่กดเกียร์ลงไปนั้น บิดคันเร่งขึ้นมานิดนึง ประมาณเบิ้ลเครื่อง บื้นๆ แค่ทีเดียวพอนะไม่ต้องบื้นๆ
แล้วคอ่ยๆปล่อยคลัทช์ เลียไว้นิดนึงก็ดีหากเกียร์ต่ำมากหรือรอบสูงมาก เพราะถ้าปล่อนทันทีทันใดรถจะเกิดอาการSKIDที่ล้อหลัง
หรือล้อหลังล็อคชั่วขณะ และในขณะที่มันล็อคนั้นเองมันจะเกิดอาการbumpด้วย หากคนที่ไม่คุ้นเคยไม่ชิน หรือตกใจ อาจเกิดอันตรายได้
แต่ถ้าเราเติมคันเร่งตอนลดเกียร์มาดี อาการพวกนี้ก็แทบจะหมดไปเนียนๆ แต่คลัทช์ยังจำเป้นของเลียไว้เสมอนะ เบาๆหรือจะหนักก็ได้ แล้วแต่มาแรงแค่ไหน
แนะนำทำทีละเกียร์ 6-5 5-4 อะไรแบบนี้ อย่ารูดที่เดียวหมด เพราะแรงมันจะเยอะมากทั้งSKIDและBumpแรงมาก มากจนดีดคุณตกรถได้สบายๆ
ลองเอาไปฝึกใช้ดู บางคนมัวแต่จะทำจนลืมการเบรคปกติกลายเป้ฯว่าเบรคได้แย่กว่าเดิม หรือบางคนกลับใช้มันเป้นเบรคหลักแทนเบรคปกติเสียนี่
ในสนามจริงๆแล้วเขาทำเพื่อใช้เกียร์ให้สัมพันกับโค้งนะไม่ได้ใช้เพื่อการเบรค 
ปล่อยคันเร่งแล้วมันจะดับไหมครับ ผมไม่เคยลอง กลัวล้อตาย หรือเขาปล่อยกันแปบเดียวไม่ถึงกับปล่อยแช่จนรถช้าลง ???

ไม่ปล่อยคันเร่ง แล้วจะเบรคกันยังไงล่ะทีนี้  :-\


หัวข้อ: Re: Engine Break บ่อยรถจะพังไหมครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Herulaya ที่ 20, ธันวาคม 2012, 08:16:35 PM
(http://image.ohozaa.com/i/61e/S5FO9L.jpg)
ตามรำราแล้วเนี่ย
จะใช้การBreakให้เต็มที่ ที่สุดก่อนเท่าที่เราจะคุมรถได้โดยที่อาการของรถยังสมูทตี้อยู่
พร้อมกับการปิดคันเร่ง หลังจากนั้นจึงจะบีบคลัทช์เข้ามา ในจังหวะเดียวกันที่บีบคลัทช์เนี่ย
ก็จะลดเกียร์ลงมาในจังหวะเดียวกันนั้นก็จะทำการเติมคันเร่งเล็กน้อยโดยที่ยังใช้เบรคอยู่จากนั้น
จึงทำการปล่อยคลัทช์เบาๆพร้อมกับปิดคันเร่งและยังใช้เบรคอยู่

และNoticeเล็กๆในตำรายังบอกอีกว่า เบรคคือสิ่งที่สำคัญที่สุดในการลดความเร็วของรถ
ก็ตามที่ผมแนะนำไปนั้นแหละ ไม่ต้องมาคอยพะวงตบเกียร์งัดเกียร์ช่วยเบรคอะไรหรอก เบรคตามปกตินั้นแหละปลอดภัยที่สุดแล้ว


หัวข้อ: Re: Engine Break บ่อยรถจะพังไหมครับ
เริ่มหัวข้อโดย: artunz ที่ 21, ธันวาคม 2012, 06:54:04 AM
ถ้าดับล้อล็อคแล้วผมจะแนะนำให้เกิดอันตรายทำไมครับ
ผมปล่อย3ไปกิโลก็ไม่เห็นมันจะดับ มันจะดับก็ต่อเมื่อรอบเครื่องตกลงมาอยู่ในช่วงรอบเดินเบา
ถ้ารอบเครื่องยังไม่ตกมาขนาดนั้นก็อย่าไปยุ่งมันเลยเอาไว้จะเปลี่ยนเกียร์จะจอดหรือขับช้าๆพอแล้ว
เลิกใช้ความเชื่อโบราณๆนั้นซะ เหอะๆ
ผมเพิ่งขับได้อาทิตย์กว่าๆเองครับ
ผมขี่ไปรวมๆแล้วน่าจะไม่ถึง50โล  :-[


หัวข้อ: Re: Engine Break บ่อยรถจะพังไหมครับ
เริ่มหัวข้อโดย: artunz ที่ 22, ธันวาคม 2012, 12:21:48 AM
พลาดเลยครับ วันนี้เกือบตาย บิดมาเร็วๆ จะเบรค ผมดันเปิดการเบรคด้วยกำคลัช เบรคไม่อยู่ แถมเลื้อยเป็นงูอีก กลางสี่แยกเลย (ก็ไม่เร็วมากหรอกครับ 60 ไฟเขียวแล้วมันดันแดงก่อน รถไม่พ้นรันอินผมไม่กล้าเร่งเกิน80  :P)
ผมน่าจะใช้engine breakก่อนแล้วทำอย่างอื่น ตอนนี้ผมก็พอจะengine breakเป็นแล้วครับ แต่ยังไม่ชิน


หัวข้อ: Re: Engine Break บ่อยรถจะพังไหมครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Herulaya ที่ 22, ธันวาคม 2012, 03:57:34 AM
พลาดเลยครับ วันนี้เกือบตาย บิดมาเร็วๆ จะเบรค ผมดันเปิดการเบรคด้วยกำคลัช เบรคไม่อยู่ แถมเลื้อยเป็นงูอีก กลางสี่แยกเลย (ก็ไม่เร็วมากหรอกครับ 60 ไฟเขียวแล้วมันดันแดงก่อน รถไม่พ้นรันอินผมไม่กล้าเร่งเกิน80  :P)
ผมน่าจะใช้engine breakก่อนแล้วทำอย่างอื่น ตอนนี้ผมก็พอจะengine breakเป็นแล้วครับ แต่ยังไม่ชิน
ล้อล้อค?? การเบรคที่ดีไม่ใช่การเบรคจนล้อล็อค
แต่คือการเบรคที่รุนแรงที่สุดที่จะไม่ทำให้ล้อล็อคและยังสามารถควบคุมรถได้
ไม่งั้นระบบAntilock Brake Systems จะถูกคิดค้นมาเพื่ออะไร
ระบบเบรคที่สำคัญที่สุดคือเบรคหน้าเพราะมันใช้หยุดรถ
ส่วนเบรคหลังมีไว้รักษาอาการของรถ
เพราะเวลาเบรคหน้าแรงๆแล้วเนี่ย แน่นอนน้ำหนักจะถูกถ่ายมาที่ข้างหน้าทำให้ต้องทืบเบรคหลังเบาๆเข้ามาช่วย
อีกทั้งจะช่วยลดระยะเบรคได้อีกนิดหน่อย
(http://image.ohozaa.com/i/71c/4zoK1b.png)


หัวข้อ: Re: Engine Break บ่อยรถจะพังไหมครับ
เริ่มหัวข้อโดย: artunz ที่ 22, ธันวาคม 2012, 04:24:55 AM
gf
พลาดเลยครับ วันนี้เกือบตาย บิดมาเร็วๆ จะเบรค ผมดันเปิดการเบรคด้วยกำคลัช เบรคไม่อยู่ แถมเลื้อยเป็นงูอีก กลางสี่แยกเลย (ก็ไม่เร็วมากหรอกครับ 60 ไฟเขียวแล้วมันดันแดงก่อน รถไม่พ้นรันอินผมไม่กล้าเร่งเกิน80  :P)
ผมน่าจะใช้engine breakก่อนแล้วทำอย่างอื่น ตอนนี้ผมก็พอจะengine breakเป็นแล้วครับ แต่ยังไม่ชิน
ล้อล้อค?? การเบรคที่ดีไม่ใช่การเบรคจนล้อล็อค
แต่คือการเบรคที่รุนแรงที่สุดที่จะไม่ทำให้ล้อล็อคและยังสามารถควบคุมรถได้
ไม่งั้นระบบAntilock Brake Systems จะถูกคิดค้นมาเพื่ออะไร
ระบบเบรคที่สำคัญที่สุดคือเบรคหน้าเพราะมันใช้หยุดรถ
ส่วนเบรคหลังมีไว้รักษาอาการของรถ
เพราะเวลาเบรคหน้าแรงๆแล้วเนี่ย แน่นอนน้ำหนักจะถูกถ่ายมาที่ข้างหน้าทำให้ต้องทืบเบรคหลังเบาๆเข้ามาช่วย
อีกทั้งจะช่วยลดระยะเบรคได้อีกนิดหน่อย
(http://image.ohozaa.com/i/71c/4zoK1b.png)
เดี๋ยวจะลองเอาไปใช้ในเกมดูครับ เคยเล่นในเกมอยู่SBKอะไรสักอย่าง หลุดทุกโค้งเลย 555


หัวข้อ: Re: Engine Break บ่อยรถจะพังไหมครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Herulaya ที่ 22, ธันวาคม 2012, 04:29:16 AM
เหอะๆ งวดหน้าขอให้โชคดีแล้วกันครับ